บ้านไม้ชั้นเดียวสีขาวยื่นไปในแม่น้ำ อายุกว่า 100 ปี ประดับด้วยไม้ฉลุแบบเรือนขนมปังขิง ย้ายตัวบ้านมาจากคลองสานเมื่อปี 2507 เล่ากันว่าเป็นบ้านที่รัชกาลที่ 5 ทรงปลูกให้แก่เจ้าของบ้านเดิม
เรือนไม้ชั้นเดียวขนาดใหญ่ อายุกว่า 100 ปี ตัวเรือนหลักมีหลังคาจั่วคู่ เดิมเป็นเรือนของขุนสมุทรมณีรัตน์ อดีตกำนันตำบลท่าฉลอม ผู้บุกเบิกการทำนาเกลือ
บ้านเรือนไทยชั้นเดียวทำด้วยไม้สักทั้งหลัง อายุกว่า 80 ปี ตัวเรือนหลักมีหลังคาจั่วคู่ซึ่งเป็นจั่วแหลมแบบเรือนไทย
ตึกแถวสองชั้น อายุกว่า 50 ปี มีดาดฟ้า แต่ไม่มีส่วนที่เป็นหลังคามุงกระเบื้อง มีกันสาดคอนกรีตยื่นออกมาเหนือหน้าต่างชั้นสอง นับเป็นตึกแถวชุดแรก ๆ ที่สร้างขึ้นที่ท่าฉลอม
บ้านไม้สักทองสองชั้นสีเขียว บ้านเดิมสร้างเมื่อปี 2465 ต่อมาได้บูรณะใหม่ ประดับบ้านด้วยไม้ฉลุแบบเรือนขนมปังขิง เป็นเรือนขนาดใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งสะท้อนถึงความมั่งคั่งของชุมชนท่าฉลอมในอดีต
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2431 สมัยรัชกาลที่ 5 โดยการนำของบาทหลวงปีโอ ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นวัดของชาวคริสตัง (โรมันคาทอลิค)
สร้างเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ด้วยความร่วมมือร่วมใจบริจาคเงินของประชาชนในจังหวัดสมุทรสาคร
ศาลเจ้าที่สวยงามและเก่าแก่ประมาณ 100 ปี หันหน้าสู่แม่น้ำท่าจีน ภายในศาลมีเทพเจ้ากวนอูเป็นเทพเจ้าประธานอยู่ตรงกลางพร้อมเทพบริวารอีก 2 องค์
ศาลเจ้าจีนไหหลำ เก่าแก่กว่า 100 ปี หันหน้าสู่แม่น้ำท่าจีน ภายในศาลมีเจ้าแม่จุ๊ยบ๋วยเนี้ย โดยแปลเป็นไทยว่า เจ้าแม่ท้ายน้ำ ซึ่งเป็นที่นับถือของคนเดินเรือชาวไหหลำ
บ้านเลขที่ 421-422 ถนนถวาย เป็นเรือนไม้แบบล้ง มุงหลังคาด้วยจาก ดูแปลกตาย้อนยุค อายุกว่า 60 ปี หันหน้าหาถนน ชานหลังบ้านติดแม่น้ำท่าจีน เพื่อขนถ่ายสินค้า หรือ อาหารทะเลจากเรือได้ง่าย